ไม่มีรูปนะ ไม่รู้จะเอารูปไหนลงดี ไม่ค่อยจะเกี่ยวข้องกันเท่าไหร่เลย
ก็ตามที่เข้าใจกันนะ ผมก็ได้ทำงานอยู่ร้านอาหารแห่งนึงใน ลอนดอน ซึ่งมีพี่อีก 2 คน ที่ทำงานด้วยก็เอาเป็นว่าจะเล่าเรื่องรวมๆให้ฟังล่ะกัน (ไม่ได้เกิดขึ้นในวันเดียวนะ)
ตอนเย็นใกล้ได้เวลาเริ่มงาน ผมเองก็มาเร็วกว่าปกติ ส่วนตัวก็ไม่ได้รีบนะ แต่ชินกับการตรงเวลามากกว่า ติดมาจากพระบิดา ก็ช่วยไม่ได้ แต่ก็ทำให้ดูดีในสายตาผู้อื่นนะ เมื่อรถจอด ผมก็ลงจากป้ายตามปกติ เดินมารอร้านเปิด (มีแต่ร้่านไม่มีคนอยู่ในช่วงไม่เปิดทำการ) ก็รอตรงป้ายรถเมล์ที่ลงนั่นล่ะ ไม่ได้ไกลจากร้านมาก ก็นั่งหนาวอยู่ตรงนั้น เพราะไม่มีกุณแจร้าน
สักพักพี่อีก 2 คนก็มาถึง พี่เตย พี่บี ก็มีเรื่องให้คุยกันเรื่อยๆ หนักก็คงเรื่องเวลาเข้าร้าน เพราะบางที่ คุณอาเขาโทรมาเช็ค แบบว่า โทรมาถามว่าใครอยู่บ้าง แล้วก็เข้ามาดูเลย จับผิดว่าใครโกหกน่ะล่ะ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ
ก็คุยไปซักพักพี่พร (คนครัว) ก็มาแล้วก็เปิดร้านเข้าไปทำความสะอาดตามปกติก็คุยๆกัน
ผม : วันนี้ขอให้คนน้อยๆนะ จะได้สบายหน่อย
พี่บีก็หันมาตอบกลับ
พี่บี : นี่ อย่าไปทัก เดียวคนก็มากันตรึมร้านหรอก
ผม : งั้นขอให้คนมาล้นร้านแทนล่ะกัน
พี่บียิ้มหัวเราะ แล้วพี่เตยก็หันมาพูด
พี่เตย : สำหรับพี่นะ พี่ว่าให้คนเยอะๆน่ะดีแล้ว ร้านจะได้กำไรมากๆ พี่คิดถึงเรื่องร้านก่อนนะ เรื่องตัวเองเอาไว้ทีหลัง
ผมกับพี่บี ปรบมือกันใหญ่เลยครับ จนพี่เตยเค้าเปลี่ยนเรื่องเลย
ก็ช่วงแรกๆก็ต้องทำความสะอาดกันก่อน โดยผมทำหน้าที่ เปิด boiler(หม้อต้มน้ำ) แล้วก็เอาน้ำไปต้ม ก่อนที่จะผสมน้ำยาขัดพื้น แล้วค่อยไปถู แต่ก็ไม่เข้าใจที่นี่นะ คือ boiler เล็กมาก ก็เลยทำน้ำร้อนไม่ทัน แต่ไม่มีปัญหา เพราะเจ้าของร้านคิดวิธีแก้ได้สำเร็จ คือเอาน้ำไปต้มที่เตาแก๊ส ถ้าเป็นหม้อ ผมจะไม่ว่าเลย แต่ดันเอาไปต้มในกะทะทำอาหาร แล้วผมก็เห็นน้ำมันลอยอยู่บนน้ำ จากนั้นก็เอาไปถู ไม่แน่เจ้าของร้านอาจคิดไกล ประมาณว่าอยากให้พื้นดูมันๆ ลื่นๆ จะได้สวยหรือเปล่า อันนี้ไม่รู้จริงๆ
อย่างต่อมา ช่วงที่รอน้ำเดือด ผมเองก็เอาข้าวเกรียบไปเติม ที่นี่มี 2 แบบ คือ แบบข้าวเกรียบสีขาว เข้าใจว่าเป็นข้าวเกรียบแบบแป้งล้วนนะ กับอีกแบบเป็นข้าวเกรียบกุ้ง สีส้มๆ เหมือนบ้านเราน่ะล่ะ ซึ่งผมอยากจะบอกว่า ไม่เคยแอบกินเลยนะ ถ้าถามว่าเพราะอะไร ก็คงบอกได้ทันที ไม่กล้ากิน ไม่ใช่กลัวเจ้าของร้านเห็น แต่กลัวที่เก็บมัน ข้าวเกรียบถูกเก็บไว้ในถังอะไรไม่รู้ใหญ่ๆ ถ้านึกไม่ออกก็นึกถึงถังขยะล่ะกัน ใหญ่ๆ แต่รู้สึกจะใช้พลาสติกเกรดดีทำ เลยสามารถเก็บอาหารได้ แต่ก็ไม่น่ากินอยู่ดีล่ะ ไม่ไหวๆ นอกจากนั้นยังมีถุงกันความชื้นอยู่ด้านในอีก ยิ่งเหมือนถังขยะไปอีก เป็นถุงใส่ข้าวเกรียบ แล้วเอาไว้ในถัง เปิดฝาอีก ถังขยะชัดๆ แถมมันสุดๆ แบบจับไป มือลื่นปริ๊ดๆเลย ผมคิดว่า ถ้าไม่ได้ทำข้าวเกรียบเอง ผมคงไม่อยากกินไปอีกนาน (จนกว่าจะลืมนะ)
ช่วงที่ต่างคนต่างทำงานก็ชอบคุยเรื่องผู้ชายกัน (ผมฟังซะส่วนใหญ่) พี่2คนเขาเป็นผู้หญิงก็เม้าส์กันมันส์เลย ลืมไปหรือเปล่า ผู้ชายนั่งหัวโด่งอยู่คนนึง
พี่บี : เบื่อพวกผู้ชายที่นี่ว่ะ
พี่เตย : เบื่ออะไรล่ะ ผู้ชายหน้าตาดีๆที่นี่มีเยอะจะตาย
พี่บี : คือไอ้คนหน้าตาดีนะ มันมีแฟนกันหมดแล้ว หรือแต่ที่ไม่ดี ไม่ก็นิสัยไม่ดีอ่า
พี่เตย : แหม ก็หาๆเอาตามข้างทางดิ
พี่บี : นี่ ชั้นก็อยากได้อายุเท่าๆกันนะ ที่มาจีบๆ มีแต่เด็กๆ กับ คนแก่ๆอยากเป็นเสี่ย ทั้งนั้นล่ะ
ผม : แล้วพี่บีจะเอาซะเท่าไรอ่า
พี่บี : ก็เอาซัก 40-50 ไง พี่ 37 แล้วน่ะ รู้เปล่า
ผมตกใจมากเลย นึกว่าอายุ 20 ปลายๆ
พี่บี : สาวที่นี่แก่เร็วไม่เหมือนเมืองไทย แล้วพี่เป็นลูกครึ่งด้วยก็เลยหน้าออกฝรั่งนิดๆ แต่แก่ช้าเหมือนคนไทยไง
พี่เตย : ส่วนใหญ่ เค้าชอบคนเอเชียเพราะเหตุผลนี้ล่ะ แก่ช้า ไม่แก่เร็วเหมือนที่นี่ ที่นี่ 20 ก็เริ่มมีรอบแล้วล่ะ
พี่บี : ก็ที่มาจีบชั้นน่ะ 20 ต้นๆกันหมดล่ะ ไม่ก็แก่เลย แล้วจะให้ชั้นทำยังไงล่ะ
พี่เตย : ก็เอาๆไปเถอะ แล้วค่อยทิ้งไง
ผม : นั้นมันคำพูดผู้ชายไม่ใช่หรอ
พี่เตย : นี้สมัยไหนแล้ว ขนาดพี่มีแฟนแล้วอยู่ที่ไทย พี่ยังมีแฟนที่นี่เลย แล้วก็ทิ้งไปแล้วด้วย ทุกวันนี้อยากโทรตามอยู่เลย
พี่บี : รู้ไหม ต้นไม้จะงามได้น่ะ น้ำอย่างเดียวไม่พอหรอก ต้องใส่ปุ๋ยด้วย (ใครไม่เข้าใจก็ไม่ต้องคิดหรอกนะ)
พี่เตย : ก็นั้นน่ะชิ ทำไมพี่บีไม่หาปุ๋ยข้างทางบ้างล่ะ จะเอาแต่น้ำ เดียวต้นไม้ก็แห้งตายพอดี ฮา
พี่บี : ไม่ไหวอ่า เด็กๆที่มา มันก็ต้องการแค่ดูหนัง กับทำอาหารเท่านั้นเอง
ผม : ดูหนังพอเข้าใจนะ แต่ทำอาหารอะไรหรอพี่บี
พี่เตย : ไม่เข้าใจหรอ ดูหนังกับทำอาหารน่ะ แบบนี้ไม่รู้เรื่องชัว
พี่บี : พี่หมายถึงว่า เวลาเด็กมาชวนไปดูหนังที่บ้านมันน่ะ(ที่นี่ไม่ค่อยมีโรงหนังเท่าไร)มันไม่ได้อยากดูหนัง(movie)มันอบากดูหนัง(skin)พี่มากกว่า
ผม : ตายล่ะ คนละเรื่องเลย นานๆทีจะตามเรื่องพวกนี้ไม่ทันนะนี่
พี่เตย : เรื่องทำอาหารน่ะ มันต่อจากดูหนังนะ รู้เปล่า
ผม : ไม่ทันแล้วล่ะแบบนี้
พี่บี : ทำอาหาร ก็ไม่กี่อย่างหรอก ส่วนใหญ่ก็ส้มตำน่ะล่ะ
ผม : งง
พี่บี : ก็เอาสากกระบือมาตำครกไง
พี่เตย : แต่ที่นี่สากโครตใหญ่เลย ครกกูจะพังเอา
ผม : ช็อค
พี่บี : รู้เปล่า พี่เคยครบกับคนๆนึงนะ เขาดีหมดทุกอย่างเลยล่ะ ยกเว้นอย่างเดียวที่ทำให้พี่เลิกเล
ผม : อะไรหรอพี่ มีแฟนแล้วหรอ
พี่บี : มันแย่กว่านั้น คือวันนั้นไปเที่ยวบ้านมัน แล้วมันก็มีเพื่อนผู้ชายมาด้วยน่ะสิ ไอ้เราก็นึกว่าเพื่อนกันซะอีก
พี่เตย : ไม่ได้หรอพี่ ได้ทั้งปุ๋ยทั้งน้ำเลยนะ อิอิ
ผม : เอาจริงอ่า
พี่บี : แหมถ้าได้ทั้งสองอย่างก็ดีน่ะสิ แต่มันซวยที่ว่า อีกคนมันเป็นเกย์ แฟนพี่เสือกเป็นไบอีก พี่เกือบได้กิน แฮมเบอร์เกอร์แล้ว เลิกเลย
ผม : สยองเลยน่ะ
พี่เตย : จะว่าไป ปัญเป็นหรือเปล่าน่ะ ดูเหมือนจะเป็นนะ
พี่บี : เออ พี่ก็ว่ายังงั้นล่ะ แต่ไม่กล้าถาม
ผม : นี่ขนาดไม่กล้าถามนะ ถ้ากล้าผมคงไม่เหลือแน่
พี่เตย : อย่าเปลี่ยนเรื่องดิ เป็นปล่าวนี่
ผม : ผมมีแฟนเป็นผู้หญิงนะ ไม่เป็นหรอก
พี่เตย : คนเค้ามีแฟนบังหน้ากันเต็ม
ผม : แล้วจะให้ผมทำไงล่ะ หรืออยากให้ผมไปนอนค้างสักคืนนึงดี ล้อเล่นนะ ยังไม่อยากเป็นปุ๋ย อิอิ
พี่บี : พี่ว่าไปลองซักครั้งดิ อาจติดใจแบบกรูไม่กลับเลยก็ได้นะ
ผม : ผมเป็นแบบนี้ล่ะ ดีแล้ว
พี่บี : ลองๆดูจะเป็นไรไป
พี่เตย : เฮ้ยๆ หน้าร้านๆ
พี่บีและผมหันไป มองที่หน้าร้าน แต่ก็ไม่อะไร ก็งง
พี่เตย : เห็นคนนั้นโครตหล่อเลยอ่า
ผม : พี่มีแฟนแล้วไม่ใช่หรอ
พี่บี : เตยเค้าต้องการปุ๋ยบ้างเท่านั้นเอง จะว่าไปพี่ยังไม่ได้เช็คกระจกเลย เดียวพี่ไปเช็คกระจกข้างนอกนะ แปปนึง
สักพักพี่บีก็ไปถูกระจกข้างนอก ผมเองก็หันไปดู แล้วก็หัวเราะนิดหน่อย แล้วพี่บีก็เข้ามา
ผม : แหมพี่ ออกไปเช็คกระจกหรือทำอะไรอ่า
พี่บี : ทำไรหรอ
ผม : ก็กระจกอยู่ทางนี้ แต่พี่หันไปมองถนนตลอดเลย เวลาเช็คกระจกน่ะ คนปกติเค้าเช็คซ้ายขวาๆน่ะ แต่พอพี่่บีเห็ฯคนหล่อเดินผ่าน เช็คขึ้นลงๆ ใหญ่เลยน่ะ เห็นแล้วหวาดเสี่ยว
พี่บี : ทะลึ่ง คิดอะไรของเธอน่ะ
พี่เตย : จะว่าไปวันนั้นเซงมาเลย เห็นคนหล่อมาก เข้ามากินอาหารที่ร้านด้วย
ผม : แล้วไม่ไปจีบล่ะ
พี่เตย : จีบอะไรอ่า พาเมียมาด้วยอ่าดิ
ผม : ก็ไปเป็นปุ๋ยให้เขาไง
พี่บี : ยังไม่จบเรื่องปุ๋ยอีกนะ จะว่าไปนะ ตอนที่ผู้ชายมันทำอยู่น่ะ คนไหนบอกว่ารักตอนนั้นนะ I love u โกหกทุกคนล่ะ
พี่เตย : เออว่าไปก็จริงนะ บอกรักซะมากมาย แต่พอเสร็จก็หายไปเลย รักชิบหายเลย
ผม : แล้วพี่จะให้เขาพูดหรอว่า I hate u ผมว่ามันแปลกๆนะ
พี่บี : เออ จริงว่ะ
ผมก็ลงไปยกเบียร์มา เอาไปใส่ในตู้เบียร์ให้เต็ม จะว่าไปที่นี่คนกินเบียรหนักมากๆครับ คือบางทีเห็นคนเดียวกินเบียร์ไป 6 ขวดได้ ประมาณ น้ำ 3 ลิตรน่ะ ผมก็ไม่เข้าใจนะ กินได้ขนาดนั้นแต่ไม่เมา เลยถามพี่เค้าหน่อย
ผม : พี่ๆ ทำไมคนที่นี่กินเบียร์เยอะอ่า
พี่เตย : มันไว้แก้หนาว กินแล้วจะได้อุ่นๆไง รู้ไม พี่ก็กินนะ เวลาไปคลับน่ะ ที่นี่แย่ ไม่เหมือนเมืองไทย กินเท่าไหร่ก็ไม่เมา
ผม : แล้วแย่่ยังไงอ่า
พี่เตย : ก็มันไม่เมายังไงล่ะ กว่าจะเมาได้ วันนั้นพี่กินไปเกือบ 100 ปอนด์ ยังไม่เมาเลย (5000 กว่าบาท)
ผม : น่าใจหรอว่ากินน่ะพี่
พี่เตย : อากาศมันหนาว ก็เลยเมาไม่ไหวไง ที่ไทยมันร้อน แปปๆก็เมาแล้ว
ต่อตอน 2
- -"
ตอบลบ