ต้องสอบภาษาอังกฤษ ก่อนไปเรียนภาษาอังกฤษ ที่ประเทศอังกฤษรู้สึุกแปลกๆนะ ปกติมันต้องเรียนก่อนสอบไม่ใช่หรอ นี่สอบก่อนเรียนซะงั้น เอาเถอะไงก็ต้องเอา ผมก็จัดแจงเตรียมสอบโดยโทรไปแจ้งความว่าจะสอบที่ toeic (เอาเบอร์มาจากอินเตอร์เน็ต) ทางที่สอบก็ตอบตกลง (ง่ายมากแค่บอกชื่อ-นามสกุลเป็นภาษาอังกฤษและหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนก็เรียบร้อย)
ก่อนสอบ 2-3 วัน ผมเองก็ไม่รู้ทำอะไรดี ก็จัดแจงเอาหนังสือภาษาอังกฤษมาอ่าน (แกรมม่า) ผลคือ ไม่รู้เรื่องเลย ก็อยู่แล้วล่ะไม่ได้คิดมากเลย ปกติก็โง่ๆอยู่แล้ว ภาษาอังกฤษก็งูๆปลาๆ มั่วไปหมด เวลาต้องคุยกับฝรั่ง ผมก็ซัด simple tense เพียวๆเลยไม่เคยให้ tense อื่นเลย แล้วก็แปลตรงตัวเกิน (แบบว่า I have been going to bangkok. ก็แปลว่า ฉันมี อยู่ กำลังจะไป กรุงเทพ ที่ประตูน้ำ ก็ waterdoor แล้วก็อีกมากมาย)
เอาไงล่ะที่นี้แล้วจะสอบได้ไม๊นี่ ผมก็เลยไปซื้อหนังสือสอบ toeic รับรองผล600 มาอย่างด่วน 1 เล่ม ลืมบอกไปว่าผมต้องการแค่ 450 เท่านั้นเองผมเลยคิดว่าทำได้ชัวร์ อ่านก่อนสอบ 2วัน จากไม่เคยอ่านหนังสือเรียนมาก่อนเลย ตอนเรียนตั้งแต่อนุบาล ปฐมศึกษา มัธยมศึกษา ปริณญาตรี หนังสือแทบไม่อ่านอยู่แล้ว (ตอนเด็กๆก็ฟังคนอื่น และแอบลอกข้อสอบด้วย แต่พออยู่มหาลัยก็ไปอ่านหนังสือในห้องสอบเลย เพราะส่วนใหญ่สอบแบบ Open Book ) ต้องมาอ่านแล้วรู้สึกแย่จริงๆ อ่านไปหลับไปไม่รู้เรื่อง กด cyberdict แบบ Real Time อ่าน2คำกด1คำแล้วให้ทำไงล่ะ ดันโง่ไม่ยอมเรียนแต่แรก ถ้าผมมีลูกเมื่อไหร่ ผมจะจับกดภาษาอังกฤษก่อนเลย จะได้ไม่มีปัญหาแบบผมอีก นึกแล้วมันเศร้าเหมือนที่พ่อผมพยายามสอนอังกฤษแต่เด็กแต่ผมไม่ยอม
และแล้วเมื่อถึงวันที่สอบ ผมต้องไปสอบที่ตึก BB (ไม่ใช่โทรศัพท์นะ) อยู่แถวๆ อโศก เดินไกลนิดหน่อย หาไม่ยาก แต่ถ้าไม่เจอจริงๆ ก็นั้งเมล์เครื่อง (มอเตอร์ไซด์รับจ้าง) เลยล่ะกัน ผมก็ขึ้นไปชั้นบนที่สอบ (จำชั้นไม่ได้) แล้วก็ไปรอสอบครับ มองทุกคนดูเครียดไปหมด หรือว่าผมร่าเริงเกินไปโดยไม่รู้ว่า "ห้องเย็นนรก"อยู่ด้านหน้าผมแล้ว
พอจัดการเรื่องแสดงตัวเตรียมสอบแล้วก็รอสอบ ค่าสอบ 1200+ค่าจดหมาย รู้สึกแพงไงไม่รู้ คงได้กำไรดีนะ และก่อนเข้าห้องสอบมีเจ้าหน้าที่มาตรวจแบบโหดมาก กุญแจยังไม่ให้เข้าเลยอ่า ใครต่อคิวแรกๆ ก็โดนไล่ไปเก็บกุญแจนี่น่าสงสารมากเลย เหมือนผู้พ่ายแพ้เลย แต่ยังไงก็ต้องยอมเขานะ เพราะเขาใหญ่กว่านิดนา ผมว่านะ น่าจะเอาคนที่นี่ไปตรวจผู้โดยสารเข้าเมืองที่สนามบินจริงๆ เข้มมาก เขาเอาผมขึ้นไปบนแท่ง แล้วให้ถอดเสื้อคลุมออกให้หมด (ยังดีเหลือเสื้อไว้นะ) แล้วก็กางแขน เอาตัวตรวจจับโลหะ ลูบไปทั่วตัวผมเลย แล้วก็ดูกระเป๋าดินสอผมอีก กว่าเสร็จก็เกือบนาทีต่อคน
พอจัดการเรื่องแสดงตัวเตรียมสอบแล้วก็รอสอบ ค่าสอบ 1200+ค่าจดหมาย รู้สึกแพงไงไม่รู้ คงได้กำไรดีนะ และก่อนเข้าห้องสอบมีเจ้าหน้าที่มาตรวจแบบโหดมาก กุญแจยังไม่ให้เข้าเลยอ่า ใครต่อคิวแรกๆ ก็โดนไล่ไปเก็บกุญแจนี่น่าสงสารมากเลย เหมือนผู้พ่ายแพ้เลย แต่ยังไงก็ต้องยอมเขานะ เพราะเขาใหญ่กว่านิดนา ผมว่านะ น่าจะเอาคนที่นี่ไปตรวจผู้โดยสารเข้าเมืองที่สนามบินจริงๆ เข้มมาก เขาเอาผมขึ้นไปบนแท่ง แล้วให้ถอดเสื้อคลุมออกให้หมด (ยังดีเหลือเสื้อไว้นะ) แล้วก็กางแขน เอาตัวตรวจจับโลหะ ลูบไปทั่วตัวผมเลย แล้วก็ดูกระเป๋าดินสอผมอีก กว่าเสร็จก็เกือบนาทีต่อคน
แล้วผมก็เข้ามาในห้องสอบ ที่หัวมุมหลังสุดของห้อง พี่เขาให้มานั่งแบบสุ่ม กันคนรู้จักกันมานั่งใกล้กันน่ะ และก่อนมาสอบพ่อผมแนะนำไว้อย่างหนึ่งด้วย คืออย่าไปลอกคนอื่น เพราะคนอื่นอาจโง่กว่าเราได้ ยังมีคนโง่กว่าผมอีกหรอ (ผมคิด) "เหนือฟ้ายังมีฟ้าฉันใด ใต้ดินก็มีดินฉันนั้น" อันนี้ผมคิดเองนะ
ตอนนี้ผมอยู่ในห้องสอบ พี่เขาก็เปิดเทปตัวอย่างมาเป็นภาษาอังกฤษให้ฟัง น่าจะเกี่ยวกับการทำข้อสอบ วิธีการต่างๆ ประมาณนี้ พี่เขาคงคิดว่าผมฟังรู้เรื่องมั้ง ผมอยากจะตะโกนดังๆ ว่าไม่รู้เรื่องเลย แปลเป็นไทยให้ที ในห้องเย็นนี่จริงๆ กว่าจะเริ่มสอบ ก็กินเวลาไป 60 นาทีแล้ว (หลังจากตรวจคนเข้าห้องเสร็จแล้ว ก็ต้องเขียนรายละเอียดต่างๆตามที่เขาบอกอีก) แล้วก็เริ่มสอบ
ตอนนี้ผมอยู่ในห้องสอบ พี่เขาก็เปิดเทปตัวอย่างมาเป็นภาษาอังกฤษให้ฟัง น่าจะเกี่ยวกับการทำข้อสอบ วิธีการต่างๆ ประมาณนี้ พี่เขาคงคิดว่าผมฟังรู้เรื่องมั้ง ผมอยากจะตะโกนดังๆ ว่าไม่รู้เรื่องเลย แปลเป็นไทยให้ที ในห้องเย็นนี่จริงๆ กว่าจะเริ่มสอบ ก็กินเวลาไป 60 นาทีแล้ว (หลังจากตรวจคนเข้าห้องเสร็จแล้ว ก็ต้องเขียนรายละเอียดต่างๆตามที่เขาบอกอีก) แล้วก็เริ่มสอบ
วินาทีแรกที่ผมเห็นข้อแรก ผมงงมาก 1. มีรูปอะไรไม่รู้ เหมือนคนแก่นั่งอยู่ แล้วก็มีข้อ a b c d มีแค่นี้เองหรอแล้วก็มีเสียงดังทั่วห้องผมตกใจงงอยู่พักนึงก่อนจะเริ่มรู้สึกว่า มันเป็นกับดัก แช่เย็นผมมา 1 ชม ทำให้สมองทำงานไม่ได้เต็มที่แถมพูดนู้นนี้นั่นมาเบี่ยงเบนความสนใจอีกแล้วเปิดเทป กระทันหันอีก ผมจึงเข้าใจแล้วก็เริ่มตั้งสติก่อน แล้วจึงเข้าใจว่าโจทย์ต้องการถามว่าในรูปเป็นอย่างไร แล้วก็ฟังมันว่าพูดอะไรบ้างข้อ a b c d เพื่อที่จะเลือกข้อที่ถูกที่สุด ผมก็เริ่มฟังใหม่ เทปมันก็ พูดๆ ผมจับใจความข้อที่ 1 ไม่ได้เลย ผมก็เลยตั้งใจอีก แล้วก็ช็อครอบสองเมื่อเทปมันพูด four... เฮ้ย ข้อสี่แล้วหรอ ตายแล้ว 1-3 ยังไม่ทำอะไรซักข้อเลย ผมคิด ไม่เป็นไรผมไปดักรอที่ข้อ 5 ก่อนเลย...
จบพาสแรกด้วยความเหนื่อยล้า 10ข้อ แล้วผมก็มองเห็นความจริงของนรกห้องเย็นนี้ มันมี200ข้อ มันมี 200ข้อ มันมี 200ข้อ ตายล่ะแค่ 5% ผมแทบตายแล้ว ที่เหลืออีก95 % แย่แน่ พาส2ผมว่านักกว่าเดิมอีก ตอนนี้มีแค่ ข้อ(ไม่มีประโยคเลย) กับ abc มี3ตัวเหลือ แต่ไม่มีรูป อะไรของข้อสอบมันน่ะ!!
แต่ผมว่าดีนะ อย่างน้อยโอกาสถูกผมมากขึ้นนะจากโอกาสถูก 25% (1ใน4) เป็น33% (1ใน3) สู้ตายงา่นนี้ ตามมาด้วย พาส3 พาส4 ที่เป็นคนพุดคุยกันเรื่องอะไรไม่รู้ ฟังก็ยากแล้วต้องมานั่งวิเคราะห์อีก แล้วผมก็ตายจริงๆ (จากที่บอกว่า สู้ตาย) พูดอะไรของมันหว่า พูดทีเดียวจบ จับใจความไม่ได้เลย จากนั้นก็เจออีก 2 พาสตามมา เป็นประโยคคำถามแล้วให้ตอบคำถามจากการฟัง 1 ครั้ง แล้วผมจะรู้เรื่องไหม พอฟังไป ผมก็เริ่มคิดได้ ทำไมเราไม่ดูคำตอบทั้งหมดก่อนแล้วค่อยฟังโจทย์ล่ะ เผื่อได้ยินเสียงออกมาตรงกับคำตอบก็จะได้เลือกนั้นไปเลย
ฮ่าๆ เมื่อคิดแล้วก็ต้องทำจึงจะบังเกิดผล ผมเองก็จัดแจ้งดูก่อนเลยว่าข้อไหนตอบอะไรบ้าง แล้วก็นั่งฟังเทปต่อ ก็ได้ผลด้วย ได้ยินเสียงเหมือนที่ตอบเลย ผมก็ถมดำด้วยดินสออย่างมั่นใจ จนกระดาษเกือบขาด แต่แล้วผมก็ต้องตกใจอีก เมื่อเจอข้อที่คิดว่าง่าย เพราะคำตอบมันเป็นตัวเลข ยังไงก็ฟังออกอยู่แล้ว แต่ว่าผมดันได้ยินทุกข้อเลยน่ะสิ แล้วข้อไหนถูกล่ะ ตายล่ะ แล้วข้อที่ผ่านมาล่ะ 555
จบ100ข้อแรก ผมรู้สึกเย็นจัด นิ้วผมกระดิกได้แค่เลือกข้อที่จะมั่ว ส่วนคนอื่นก็ตั้งหน้าตั้งตาทำกันต่อไป ผมก็เริ่มทำข้อที่เหลือ โดย จะมี 100 ข้อ 75 นาที แต่ละข้อก็ยาวๆทั้งนั้น อ่านได้ข้อไม่ถึงนาที มองโจทย์จนงง เงยหน้าขึ้นมา เจอคนคุมสอบอีก ทะเลากับสามีที่บ้านมาหรือไงหน้าบูดเป็นก้นเลย มองไปทางซ้าย ไอ้นี่ไม่น่าจะทำได้ มองไปทางขวา ก็เจอกำแพงอีก อยากจะออกไปจากห้องนี้จริงๆ ทำไป งงไป ไม่รู้เรื่อง รู้สึกอีกที มั่วเสร็จก่อนเวลาอีก สุดโค่ย ทำเหมือนจะเก่ง แต่ที่จริง...(คิดเอง) จากนั้นผมนั่งรอเวลาที่เหลืออีก 10 นาที โดยปล่อยเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ และก้มหน้าตลอดเวลา ไม่งั้นเดียวโดนว่าลอกข้อสอบแน่ คิดนู้นนี่นั้นไปเรื่อยจนหมดเวลา พี่เค้าก็ตะโกนไปทั่วห้อง จนคนสะดุ้งกันเป็นแถบๆ "วางปากกา ห้ามจับปากกา" แล้วอะไรก็ไม่รู้วุ่นวายไปหมด แต่ผมไม่มีปัญหาเลยนะครับ เพราะมั่วเสร็จไปนานแล้ว ฮ่าๆๆ ไม่ทันผมหรอก และคะแนนออกมาดังที่หวังไว้ ก็... 375/990
แต่ผมว่าดีนะ อย่างน้อยโอกาสถูกผมมากขึ้นนะจากโอกาสถูก 25% (1ใน4) เป็น33% (1ใน3) สู้ตายงา่นนี้ ตามมาด้วย พาส3 พาส4 ที่เป็นคนพุดคุยกันเรื่องอะไรไม่รู้ ฟังก็ยากแล้วต้องมานั่งวิเคราะห์อีก แล้วผมก็ตายจริงๆ (จากที่บอกว่า สู้ตาย) พูดอะไรของมันหว่า พูดทีเดียวจบ จับใจความไม่ได้เลย จากนั้นก็เจออีก 2 พาสตามมา เป็นประโยคคำถามแล้วให้ตอบคำถามจากการฟัง 1 ครั้ง แล้วผมจะรู้เรื่องไหม พอฟังไป ผมก็เริ่มคิดได้ ทำไมเราไม่ดูคำตอบทั้งหมดก่อนแล้วค่อยฟังโจทย์ล่ะ เผื่อได้ยินเสียงออกมาตรงกับคำตอบก็จะได้เลือกนั้นไปเลย
ฮ่าๆ เมื่อคิดแล้วก็ต้องทำจึงจะบังเกิดผล ผมเองก็จัดแจ้งดูก่อนเลยว่าข้อไหนตอบอะไรบ้าง แล้วก็นั่งฟังเทปต่อ ก็ได้ผลด้วย ได้ยินเสียงเหมือนที่ตอบเลย ผมก็ถมดำด้วยดินสออย่างมั่นใจ จนกระดาษเกือบขาด แต่แล้วผมก็ต้องตกใจอีก เมื่อเจอข้อที่คิดว่าง่าย เพราะคำตอบมันเป็นตัวเลข ยังไงก็ฟังออกอยู่แล้ว แต่ว่าผมดันได้ยินทุกข้อเลยน่ะสิ แล้วข้อไหนถูกล่ะ ตายล่ะ แล้วข้อที่ผ่านมาล่ะ 555
จบ100ข้อแรก ผมรู้สึกเย็นจัด นิ้วผมกระดิกได้แค่เลือกข้อที่จะมั่ว ส่วนคนอื่นก็ตั้งหน้าตั้งตาทำกันต่อไป ผมก็เริ่มทำข้อที่เหลือ โดย จะมี 100 ข้อ 75 นาที แต่ละข้อก็ยาวๆทั้งนั้น อ่านได้ข้อไม่ถึงนาที มองโจทย์จนงง เงยหน้าขึ้นมา เจอคนคุมสอบอีก ทะเลากับสามีที่บ้านมาหรือไงหน้าบูดเป็นก้นเลย มองไปทางซ้าย ไอ้นี่ไม่น่าจะทำได้ มองไปทางขวา ก็เจอกำแพงอีก อยากจะออกไปจากห้องนี้จริงๆ ทำไป งงไป ไม่รู้เรื่อง รู้สึกอีกที มั่วเสร็จก่อนเวลาอีก สุดโค่ย ทำเหมือนจะเก่ง แต่ที่จริง...(คิดเอง) จากนั้นผมนั่งรอเวลาที่เหลืออีก 10 นาที โดยปล่อยเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ และก้มหน้าตลอดเวลา ไม่งั้นเดียวโดนว่าลอกข้อสอบแน่ คิดนู้นนี่นั้นไปเรื่อยจนหมดเวลา พี่เค้าก็ตะโกนไปทั่วห้อง จนคนสะดุ้งกันเป็นแถบๆ "วางปากกา ห้ามจับปากกา" แล้วอะไรก็ไม่รู้วุ่นวายไปหมด แต่ผมไม่มีปัญหาเลยนะครับ เพราะมั่วเสร็จไปนานแล้ว ฮ่าๆๆ ไม่ทันผมหรอก และคะแนนออกมาดังที่หวังไว้ ก็... 375/990
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
^ 2 U the comment